ยาโมลนูพิราเวียร์

โมลนูพิราเวียร์ 1.5 แสนเม็ด ถึง สปสช. กระจายให้กลุ่มเสี่ยง 608

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ในระยะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายให้ สปสช.จัดระบบเฉพาะกิจเป็นระบบเสริมเพื่อช่วยโรงพยาบาล (รพ.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อนั้น

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2565 สปสช.ได้เปิดให้ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแล สามารถโทรศัพท์ติดต่อเข้าสายด่วน 1330 เพื่อแจ้งอาการ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการประเมินอาการในเบื้องต้น หากเข้าข่ายที่จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ก็จะดำเนินการจัดส่งยาให้ถึงบ้าน

“โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 23-30 กรกฎาคมที่ผ่านมา สปสช.ได้จัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยาแล้วทั้งสิ้น 1,941 เคส เตรียมนำจ่าย 361 เคส และอยู่ระหว่างการจัดส่งอีก 93 เคส ขณะที่เคสที่จัดส่งไม่สำเร็จมีจำนวน 25 เคส ส่วนมากจัดส่งไม่สำเร็จเพราะผู้ป่วยปิดบ้าน บริษัทหยุด ติดต่อผู้รับไม่ได้ และผู้รับปฏิเสธการรับ” นพ.จเด็จกล่าว

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

เลขาธิการ สปสช.กล่าวอีกว่า สธ.ได้สนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับ สปสช.ซึ่งรอบแรกได้รับ 40,000 เม็ด และครั้งที่ 2 ได้รับอีก 100,000 เม็ด จาก รพ.ราชวิถี และเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 สธ.ได้จัดสรรยาโมลนูพิราเวียร์มาให้ สปสช.เพิ่มอีก 150,000 เม็ด

ซึ่งผู้ป่วยที่โทรแจ้งสายด่วน 1330 ที่จำเป็นต้องได้รับยาในช่วงต่อไป จะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์แทน

ซึ่งยาตัวนี้ออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ RNA ไวรัส และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงเช่นเดียวกับยาฟาวิพิราเวียร์ โดยได้รับการอนุมัติจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว

“ตามแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมการแพทย์ สปสช.จะจัดส่งยาโมลนูพิราเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง แต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเน้นในกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ผู้มีภาวะอ้วน ผู้ป่วยตับแข็ง ผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มีค่า CD.cell count น้อยกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. แต่จะไม่ใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร” นพ.จเด็จกล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ cafeforestal.com

ufa slot

Releated